นางสาวหลุ่ย แซ่กั๊ว ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเจียระไนกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า “ รู้สึกดีใจอย่างมาก ที่ได้รับความยุติธรรม โดย ศาลอาญาประเทศไทย ได้พิพากษา นายโจวเจิ้นเฮ่า (Zhen hao Zhou) ในคดีอาญา เลขที่ 125/2561 ซึ่งได้ทำการเผยแพร่ข้อความหมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี และปล่อยข่าวลือ อันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง บริษัท ไทยเจียระไนกรุ๊ป จำกัด และสำนักข่าวThailand Headlines News ผ่านช่องทางโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานหลายปี จนกระทั่งในที่สุด นายโจวเจิ้นเฮ่า จำนนต่อหลักฐาน และ รับสารภาพต่อหน้าผู้พิพากษาว่าตน คือผู้ทำการหมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี และปล่อยข่าวลือ ให้ ไทยเจียระไนกรุ๊ป เกิดความเสียหาย
“การชนะคดี หมิ่นประมาท บริษัท ไทยเจียระไนกรุ๊ป จำกัด และสำนักข่าวThailand Headlines News ตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ ในครั้งนี้ นับแป็นอุทาหรณ์ ให้กับผู้ที่ใช้งานโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ บน บนอินเตอร์เน็ต ได้ระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ อันเป็นเท็จ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บุคคล หรือ องค์กร ต่างๆ ซึ่งในปัจจุบัน พรบ. คอมพิวเตอร์ มีการประกาศใช้และคุ้มครองอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การฟ้อง นายโจวเจิ้นเฮ่า จนสามารถดำเนินคดีจนชนะ ด้วยหลักฐานผูกมัดการกระทำผิดจำนวนมาก เอื้อให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าจับกุมและยึดของกลาง อาทิ เครื่องโน๊ตบุ๊ก แฟลชไดร์ฟ สมุดบันทึก สมุดบัญชีธนาคาร บัตรธนาคารและบัตรเครดิต เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น การชนะคดีหมิ่นประมาท บริษัท ไทยเจียระไนกรุ๊ป จำกัด และสำนักข่าวThailand Headlines News แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย เป็นนิติรัฐที่มีความเที่ยงธรรมในระบบยุติธรรมอย่างแท้จริง สำหรับ นายโจวเจิ้นเฮ่า ได้รับถูกพิจารณาให้มีความผิด รับโทษคือ จำคุก 2 ปี และชดใช้ค่าเสียงานเป็นเงิน จำนวน 150,000 บาท ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ต้องหา ยอมรับคำตัดสินของศาลอย่างไม่มีข้อสงสัย และได้แสดงความเสียใจต่อการกระทำผิดอย่างร้ายแรงของลูกชาย พร้อมกับขอโทษผู้เสียหาย ด้วยการบันทึกคลิปวีดีโอกล่าวคำขอโทษต่อผู้เสียหาย อีกด้วย
สรุปคำพิพากษา ดังนี้
พิพากษา คดีอาญาเลขที่ 125/2561 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 โจทษ์ คือ บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด (ชื่อเดิม บริษัท Jiaranai Entertainment จำกัด) ส่วนจำเลย คือ นายโจวเจิ้นเฮ่า (Zhen hao Zhou) เป็นผู้กระทำผิดซ้ำซากรับจ้างใส่ความหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตมานานหลายปี ได้กระทำการหมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสีและปล่อยข่าวลืออันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของ บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด โดยนายโจวเจิ้นเฮ่า ใช้ชื่อบัญชี Thailand IT Zhou (สมาชิกเวปไซต์ เวยโป๋)
นายโจวเจิ้นเฮ่า ได้เริ่มกระทำการหมิ่นประมาทบริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด (ชื่อเดิม บริษัท Jiaranai Entertainment จำกัด) ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน รวมถึงได้ใส่ความโจมตี คุณหลุ่ย แซ่กั๊ว (Gegee) พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลายท่าน เป็นการก่อคดีหมิ่นประมาททางสื่ออินเตอร์เน็ต ที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่มีการวางแผนล่วงหน้า มีทีมงานที่แบ่งหน้าที่กระทำการอย่างชัดเจน หลังจากที่ผู้เสียหายได้แจ้งความต่อตำรวจ ทางตำรวจได้ทำการสืบสวนและคลี่คลายคดีอย่างรวดเร็ว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมด้วยหลักฐานการกระทำผิดจำนวนมหาศาล ผู้ต้องหาไม่อาจปฏิเสธและจำนนต่อหลักฐาน จึงรับสารภาพอย่างหมดเปลือก
นายโจวเจิ้นเฮ่า ได้รับการประกันตัวและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อรอการตัดสินจากศาล ระหว่างการประกันตัว หนังสือเดินทางถูกตำรวจอายัดไว้ เพื่อไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ แต่ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 นายโจวเจิ้นเฮ่าได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอเดินทางกลับประเทศเพื่อจัดการปัญหาเร่งด่วน ศาลได้อนุมัติให้นายโจวเจิ้นเฮ่าเดินทางไปจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว แต่ต้องเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายในเวลาที่กำหนดเพื่อรายงานตัวต่อศาล แต่หลังจากที่นายโจวเจิ้นเฮ่าได้ออกจากประเทศไปแล้ว ก็ไม่ได้กลับมาตามเวลาที่ศาลนัด และไม่ได้รายงานตัวต่อศาลตามกำหนด เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 ศาลได้วินิจฉัยว่า นายโจวเจิ้นเฮ่าได้หลบหนีคดีความไปเพราะกลัวความผิด พร้อมด้วยทิ้งประกัน จึงออกหมายจับเป็นครั้งที่สอง โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการติดตามตัวและจับกุมมารายงานตัวต่อศาล จนกระทั่งถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2561 นายโจวเจิ้นเฮ่าถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรวบตัวไว้และส่งให้ศาล เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มีคดีฟ้องร้องหลายคดี และเป็นคดีที่มีหลักฐานมัดตัวอย่างแน่น รวมถึงผู้ต้องหามีท่าทีที่จะหลบหนี ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงยกเลิกตรวจลงตราเข้าประเทศไทย และส่งเข้าไปควบคุมตัวในเรือนจำของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง คัดค้านการประกันตัว จนกระทั่งถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2562 ซึ่งศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้รับถูกพิจารณาให้มีความผิด รับโทษคือ จำคุก 2 ปี และชดใช้ค่าเสียงานเป็นเงิน จำนวน 150,000 บาท และรอลงอาญาเนื่องจากจำเลยมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูครอบครัว ประกอบกับระหว่างการพิจารณาจำเลยถูกกักตัวเพื่อรอการส่งกลับไปนอกราชอาณาจักรมาระยะหนึ่งแล้ว โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปีตามประมวลการกฏหมายอาญามาตรา ๕๖ ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ต้องหา ยอมรับคำตัดสินของศาลอย่างไม่มีข้อสงสัย และได้แสดงความเสียใจต่อการกระทำผิดอย่างร้ายแรงของลูกชาย พร้อมกับขอโทษผู้เสียหาย ด้วยการบันทึกคลิปวีดีโอกล่าวคำขอโทษต่อผู้เสียหาย