แน่นอนว่า ใครๆ ก็อยากประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องการเรียน การงาน การเงิน หรือการใช้ชีวิต เราอยากไปให้ถึงเป้าหมายที่เราวาดไว้ แต่กลับมีคำถามว่า “อะไรนะที่ทำให้เรายังไม่มีความสุขและไม่ประสบความสำเร็จ” “ทำไมเราทำงานหนักแล้วแต่ยังไม่สำเร็จสักที” “ทำไมอีลอน มัสก์ บิลเกตส์ แจ๊ค หม่า หรือ เจเค โรว์ลิ่ง ถึงได้ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆ”
พวกเขามีเคล็ดลับอะไรในการพัฒนาตนเอง หรือตัวช่วยอะไรที่ผลักดันให้ไปสู่ความสำเร็จระดับโลกได้เช่นนั้น หลายคนพร่ำบ่นกับชีวิตตัวเองและมีความคิดว่า “เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีพรสวรรค์ พวกเขา born to be พวกเขาโชคดี” แต่จริงๆ แล้ว ปัจจัยหลักที่ช่วยพาบุคคลเหล่านั้นให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ก็คือ “กรอบความคิด” หรือ mindset ที่พวกเขามีต่างหาก
อริญญา เถลิงศรี Chief Capability Officer & Managing Director – SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า เมื่อกล่าวถึงกรอบความคิดหลายคนอาจมีคำถามต่อว่า แล้วกรอบความคิดจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างไร แล้วต้องคิดอย่างไรล่ะ ซึ่งกรอบความคิด หรือ Mindset คือตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมของเรา และพฤติกรรมก็ส่งผลต่อการทำงาน ต่อผลงาน และต่อความสำเร็จของเรา กรอบความคิดคือสิ่งที่ทำให้คนเก่งแแตกต่างจากคนไม่เก่งอย่างชัดเจน ตัวบ่งชี้ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาที่เราเผชิญ แต่กลับเป็นกรอบความคิด วิธีมอง หรือทัศคติของเราที่มีต่อปัญหาที่เราเผชิญ ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกมองปัญหาและความท้าทายด้วย Growth Mindset หรือกรอบความคิดแบบเติบโต
การฝึกปรับวิธีมองโลกแบบ Growth Mindset ให้ได้ก่อน เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ความปรารถนาที่จะเรียนรู้ โดยทั่วไป เมื่อเจอความท้าทาย คนส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยง ต่อต้านคำวิจารณ์ ยอมแพ้อย่างง่ายดาย ไม่กล้าเปิดรับ ไม่ลองสิ่งใหม่ หรือกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะมองว่าที่ผ่านมาก็ดีอยู่แล้ว ถ้าลองปรับเปลี่ยนอะไรใหม่แล้วไม่เวิร์คก็กลัวจะดูไม่ฉลาด ดูไม่ดี ในทางกลับกัน คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักคิดต่าง คิดแล้วลงมือทำ แม้จะผิดพลาดล้มเหลวก็สามารถกลับมาเริ่มใหม่ได้ทันที ล้มแล้วลุกได้ ผู้ประสบความสำเร็จที่มีความคิดแบบ Growth Mindset มีลักษณะดังนี้
1.อ้าแขนรับความท้าทาย มุ่งมั่นต่อไปแม้จะพบความล้มเหลว
ผู้ประสบความสำเร็จมองความล้มเหลวเป็นบทเรียน พยายามหาโอกาสในความล้มเหลวนั้น ยิ่งเราเจอความยากลำบากและความท้าทาย เรายิ่งเรียนรู้ โอกาสที่เราจะสำเร็จก็จะมากกว่าและเร็วกว่า “จงอย่ากลัวความล้มเหลว แต่จงกลัวการไม่ได้ลองทำอะไรเลย เพราะนั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ใช้ชีวิตเลยสักนิด” นี่คือสิ่งที่คนสำเร็จพูดเหมือนกัน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตแบบไม่เคยล้มเหลวอะไรเลย แต่ขอให้เรียนรู้จากความล้มเหลว และไม่ทำสิ่งเดิมๆ พลาดซ้ำอีก สุดท้ายผลลัพธ์ใหม่ก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
2.มองโลกในแง่บวก และเพียรพยายาม
ผู้ประสบความสำเร็จจะไม่ถอดใจหรือยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อพบเจอกับความท้าทาย จะลองวิธีการใหม่ๆ มองหาว่ามีวิธีไหนที่ยังไม่ได้ลองอีกบ้าง พร้อมบอกกับตัวเองว่า “น่าจะได้ ขอลองคิด ลองทำดูก่อน” แทนที่จะบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่ต้น พวกเขาจะพยายามหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อทำเรื่องยากให้เป็นไปได้
3.เรียนรู้จากวิจารณ์ และยอมรับข้อมูลป้อนกลับเชิงลบ
ผู้ประสบความสำเร็จมองคำวิจารณ์เป็นพลัง นำประเด็นปัญหาที่แท้จริงและสาระหลักๆ มาปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ไม่รู้สึกกลัวหรือสิ้นหวัง เพราะพวกเขาเรียนรู้ที่จะรับมือกับคำวิจารณ์ และใช้ประโยชน์จากคำวิจารณ์ลบๆ เหล่านั้น
4.ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตนเองสม่ำเสมอ
คนอื่นอาจจะคิดว่า ถ้าคุณมีพรสวรรคตั้งแต่เกิด คุณไม่จำเป็นต้องฝึกหรอก คุณจะเก่งโดยสายเลือด โดย DNA อยู่แล้ว คุณไม่ต้องพยายาม แต่ผู้ประสบความสำเร็จเชื่อว่า สติปัญญาและความฉลาดสามารถพัฒนาได้ ไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่เป็นเรื่องของพรแสวง เรียนรู้จากความผิดพลาด ล้มเหลว ฝึกฝนให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนชำนาญ
พรแสวงคือสิ่งที่เราสามารถจัดการควบคุมได้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของเรา โดยอดทน ทุ่มเท ลงมือพัฒนาจนสำเร็จ แม้จะสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว แต่พวกเขาไม่ทะนงในความรู้ความสามารถ ยอมรับฟังและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ยึดติดสิ่งเดิมๆ วิธีเดิมๆ พวกเขาเป็นเหมือนน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมจะรับน้ำใหม่เข้ามาเติมอยู่เสมอ
จะเห็นได้ชัดว่า คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ในโลกนี้ คือคนที่มีกรอบความคิดแบบ Growth Mindset ดังนั้น ถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ครอบครัว หรือชีวิตส่วนตัว สิ่งที่เราต้องปรับก็คือ Mindset ของเราเอง
วิธีการมองแบบ Growth Mindset ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว เราทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ ไม่มีคำว่าสายเกินไป โดยสิ่งแรกที่เราเริ่มทำได้ก็คือ “เปิดใจ” เชื่อว่าคนเราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงและยกระดับศักยภาพของตนเองให้ดีขึ้นได้ เปิดรับความท้าทายและวิธีการใหม่ๆ ยอมรับคำวิจารณ์จากคนอื่นๆ นำมาปรับปรุงตนเอง มองความล้มเหลวให้เป็นประสบการณ์และโอกาสก้าวหน้าแทนที่จะเป็นอุปสรรค
ฝึกการ “มองโลกในด้านบวก” ค่อยๆ ปรับมุมมองในเรื่องต่างๆ อย่าไปสร้างข้อจำกัดไปกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แต่ขอให้มองหาโอกาสในปัญหาที่เข้ามา เมื่อคิดเช่นนี้ได้แล้ว ชีวิตเราก็จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จะช่วยเปิดโอกาสให้เราประสบความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะบรรลุเป้าหมายได้เช่นเดียวกับผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก เพราะถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้เช่นกัน
เรื่อง : อนุสรา ทองอุไร / ภาพ : pixabay