ไลฟ์สไตล์ » มลพิษรอบตัว ภัยเงียบทำร้ายผิวหน้า

มลพิษรอบตัว ภัยเงียบทำร้ายผิวหน้า

16 เมษายน 2020
752   0

โห!!  ตอนนี้ อากาศกำลังเข้าสู่เดือนที่ร้อนที่สุดของปี กันแล้วซึ่งคาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนและแล้งมากๆกว่าปีก่อนๆเยอะเลย ไหนจะเรื่องฝุ่นควันมลพิษก็ยังไม่หายค่าฝุ่นละอองพิษยังอยู่ในระดับ PM 25 อยู่นะแล้วไหนจะบวกหน้าร้อนจัดเข้ามาเพิ่มอีก ความเครียดจากโรคโควิดอีก สารพัดถาโถมเข้ามาทั้งใบหน้าและจิตใจ

ร่างกายใบหน้าของคนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ก็รับบทหนักกันอย่างแน่นอน หากไม่ได้รับการป้องกันที่ถูกต้องจะมีผลกระทบต่อสุขภาพเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ ตามมาด้วยอย่างแน่นอน และไม่ได้กระทบแค่เรื่องสุขภาพเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบต่อผิวของสาวๆ อีกด้วย

ดร. โจเซฟ วาย แชง หัวหน้านักวิทยาศาสตร์และรองประธานบริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์สอิ้งค์ กล่าวว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 นี้สามารถจับตัวกับสารเคมีและโลหะต่างๆและนำพาเข้าสู่ผิวหนังมีผลทำร้ายเซลล์ผิวหนังโดยตรงกระตุ้น  ให้เกิดกระบวนการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิม เช่น คนที่มีปัญหาสิว ผิวแพ้ง่ายหรือแม้กระทั่งโรคภูมิแพ้ผิวหนังอื่นๆที่จะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองคันมากยิ่งขึ้นเพราะเกราะของผิวหนังเสียไป

โดยเฉพาะผิวบนหน้าซึ่งมีความบอบบางกว่าผิวบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ทั้งริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ ทำให้ในปัจจุบันมีหลายบริษัทคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายที่เป็นตัวช่วยในการล้างทำความสะอาดหน้าเพราะการล้างหน้าให้สะอาดเป็นขั้นตอนพื้นฐานสำคัญของการดูแลผิวที่คุณสาวๆ ควรใส่ใจในขั้นตอนนี้อย่างมากที่สุดแต่  นอกเหนือจากการล้างหน้าให้สะอาดแล้ว ควรดูแลผิวพรรณให้เหมาะสมกับประเภทผิวของ เรา ซึ่งแบ่งประเภทผิวหลัก คือ

  1. ผิวแห้ง (Dry Skin) ผิวแห้งจะเป็นผิวที่ละเอียดบอบบางและจะเป็นริ้วรอยได้ง่าย การใช้สบู่ทำความสะอาดผิว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าจะยิ่งทำให้ผิวแห้ง แตกได้ง่ายยิ่งขึ้น ควรใช้โฟมไม่มีฟองหรือเจลล้างหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นและตามด้วยครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นและอ่อนโยน
  2. ผิวมัน (Oily Skin)   คนผิวมันจะมีผิวที่ค่อนข้างหยาบ รูขุมขนใหญ่ และมักจะเป็นสิวหัวดำ เนื่องจากไขมันไปอุดตันรูขุมขนข้อดีของการมีผิวมันก็คือ ผิวหน้าเหี่ยวย่นช้ากว่าชนิดอื่นๆความเข้าใจที่ผิดสำหรับคนผิวมัน คือการพยายามใช้สบู่หรือครีมล้างหน้าที่แรงๆเพื่อที่จะควบคุมน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง  แต่รู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนี้แทนที่จะเป็นการกำจัดน้ำมันส่วนเกินกลับเป็นการกระตุ้นผิวหนังให้ผลิตน้ำมันออกมามากยิ่งขึ้น  จึงควรดูแลผิวหนังชนิดนี้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นและปราศจากน้ำมัน และควรพอกหน้าด้วยสมุนไพรและอบไอน้ำเพื่อช่วยเปิดรูขุมขน เพื่อป้องกันการเกิดสิวหัวดำ
  3. ผิวผสม (Combination Skin)  คนที่มีผิวชนิดนี้มักจะมีสิวหัวดำบริเวณจมูก และมีสิวขึ้นบริเวณหน้าผากและคางควรดูแลผิวด้วยวิธีผสมผสานระหว่างการดูแลผิวธรรมดาหรือผิวแห้งในส่วนที่เป็นผิวธรรมดาหรือผิวแห้งและใช้วิธีดูแลผิวมันในบริเวณที่เป็นผิวมันโดยผิวชนิดนี้เป็นผิวผสมระหว่างผิวธรรมดาหรือผิวแห้งกับผิวมัน การจะรู้ได้ว่ามีผิวผสมหรือไม่ให้ใช้กระดาษ เช็ดหน้าแผ่นใหญ่ปิดทับไปบนใบหน้าทั้งหน้าทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้าหาก  ปรากฏน้ำมันเป็นรูตัว “T” บนกระดาษ คือ บริเวณหน้าผาก สันจมูกจนถึงปลายคาง
  1. ผิวเซนซิทีฟ (Sensitive Skin)  คือ ผิวหน้าแพ้ง่าย เกิดรอยแดง เกิดผื่นเกิดสิวได้ง่ายกว่าโดยคนกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับปัญหาที่ต้องเลือกใช้พวกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ข้อแนะนำคือก่อนจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ควรทดสอบกับท้องแขนก่อน  ถ้าท้องแขนเราไม่เกิดรอยแดงอะไรก็สามารถเลือกใช้ได้เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเราล้างหน้าโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าอย่างดีแล้วแต่ยังคงมีปัญหาผิวหน้าตามมาไม่รู้จบ

ทั้งปัญหาสิวและผิวมันยิ่งกับในปัจจุบันปัญหาฝุ่นละอองพิษในอากาศ PM 2.5ที่เพิ่มขึ้นมาทำร้ายผิวอีก นั่นอาจหมายถึงเพราะการล้างหน้าด้วยมือกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอาจยังไม่เพียงพอกับการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกบนใบหน้าให้หลุดออกไป

รวมทั้งสิ่งตกค้างจากเครื่องสำอางทั้งนี้ คนเราจะล้างหน้าเฉลี่ยวันละ 2 ครั้ง  ด้วยการใช้มือในการนวดคลึงใบหน้าควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรูปแบบต่างๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่ผิดแต่อาจเป็นวิธีการทำความสะอาดใบหน้าที่ยังไม่สะอาดหมดจดเพียงพอ และยังคงทิ้งสิ่งตกค้างบนใบหน้าไว้ให้ปวดใจ  แสดงออกมาเป็นความหมองคล้ำดูไม่สดใส

ดังนั้น เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัยสุดล้ำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการทำความสะอาดและทรีตเม้นท์ผิวในคราวเดียวกัน โดยที่เราจะนำมาแชร์นี้เป็น “บิวตี้แกดเจ็ต” มีชื่อว่า “ลูมิสปา”เครื่องมือทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า“ไมโครพัลส์-ออสซิเลชั่น” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเรื่องการสร้างโปรตีนผิวกระตุ้นผิวด้วยความถี่ที่แม่นยำ

ทำให้ผิวแลดูอิ่มน้ำช่วยเพิ่มพลังให้ผิวหน้าเสมือนช่วยให้ผิวได้ออกกำลังกาย สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน และไม่ระคายเคืองผิวทำให้ใบหน้าของเราแลดูสว่าง กระจ่างใส  มีความยืดหยุ่นและมีสุขภาพผิวหน้าที่แข็งแรงขึ้นและตัวอุปกรณ์หัวสัมผัสที่ผสานกับเทคโนโลยี “ไมโครเบียล ซิลเวอร์”ซิลิโคนเกรดพิเศษ นุ่ม อ่อนโยน และไม่ระคายเคืองผิว

สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์และยังใช้เทคโนโลยีสิทธิบัตรการหมุนแบบสลับด้าน ที่ช่วยทรีตเม้นท์ผิวให้รูขุมขนแลดูกระชับ เรียบเนียนขจัดน้ำมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและสารตกค้างที่อยู่ในผิวอย่างนุ่มนวล แถมยังช่วยให้หน้าสะอาด ไร้แบคทีเรีย อีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ต้องหมั่นดูแลสุขภาพและผิวพรรณตัวเองให้มากยิ่งขึ้นยิ่งในช่วงที่มีฝุ่นละอองพิษอยู่ รอบตัวเรา ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษและนอกจากสุขภาพผิว การดูแลสุขภาพโดยเลือกกินอาหารดีๆ มีประโยชน์ถือเป็นการป้องกันจากภายในได้ด้วยเช่น

 

เรื่อง อนุสรา ทองอไร