โลกจะสวย หรือ โลกจะห่วย ไม่ได้อยู่ที่โลกแต่มันอยู่ที่มุมมองความคิดของเราเอง บ่อยครั้งที่เราอาจจะคิดว่าโลกยุคนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน เป็นเรื่องที่เราต้องปรับตัวปรับใจทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ใครปรับตัวได้ยืดหยุ่นสูงก็จะมีความสุขมองโลกแบบที่มันเป็น ไม่ใช่แบบที่เราอยากให้เป็นขอจงมองโลกในแง่ดีเข้าไว้เพราะเราเชื่อว่าความคิดมีแรงดึงดูด วันนี้มีข้อคิดดีๆจากหนังสือ Factfulness มาฝากกันค่ะ
ฉบับแปลไทย! หนังสือที่ บิล เกตส์ ซื้อแจกให้นักศึกษาจบใหม่ทุกคนในอเมริกา ขายไปแล้วกว่า 1 ล้านเล่ม บิล เกตส์ ยกย่องหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่งที่เคยอ่านมา ซึ่งเขาเคยพูดถึงหนังสือเล่มนี้ใน TED Talks : How not to be ignorant about the world? ไว้ด้วย เราจะสรุปถึงเนื้อหามาฝากกันค่ะ
Factfulness เขียนโดย ฮันส์ โรสลิง แพทย์และศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขโลก ร่วมกับโอล โรสลิง และอันนา เรินน์ลุนด์ ลูกชายและลูกสะใภ้ จุดประสงค์คืออยากให้ทุกคนที่ได้อ่านมีมุมมองความเข้าใจต่อโลกในทางที่ดีขึ้น จากสถิติและผลสำรวจที่ทั้งสามคนรวบรวมเอาไว้ และในปีค.ศ. 2017 ฮันส์ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง โดยทิ้งบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไว้ในหนังสือเล่มนี้กับ 10 สัญชาตญาณจอมลวงที่ทำให้คุณเข้าใจโลกใบนี้ผิดมาโดยตลอด และมองไม่เห็นคุณค่าที่โลกหยิบยื่นให้
ในส่วนแรกก่อนที่คุณจะได้เข้าไปอ่านเนื้อในที่จะเปลี่ยนความคิดคุณไปทั้งชีวิต ต้องเริ่มทำแบบทดสอบก่อน แบบทดสอบที่ให้จะมีทั้งหมด 13 ข้อ ซึ่งหากตอบตามความคิดแรกของคุณ แบบไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหนังสือหลอก ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่ฉลาด ไม่ต้องขวนขวายหาข้อมูลจะได้ผลดีที่สุด ความคิดแรก นั่นคือความรู้สึกที่มาจากจิตใจของคุณ เมื่อตอบครบแล้ว คุณจะรู้ทันทีว่าคุณมองโลกอย่างไร แล้วหนังสือเล่มนี้จะช่วยคุณได้โดยวิธีไหน
ผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือผู้เชี่ยวชาญที่การันตีว่ามีไอคิวสูง อาจจะตอบคำถามเกี่ยวกับโลกใบนี้ได้น้อยกว่าลิงชิมแปนซีที่ใช้การเดาสุ่มด้วยซ้ำ เหตุผลก็เพราะว่า เมื่อคิดถึงโลก สิ่งที่ตามมาคือสงคราม ความโหดร้าย ภัยธรรมชาติ วินาศภัยที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ การฉ้อราษฎร์บังหลวง สิ่งต่างๆ ดูเลวร้าย และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะแย่ลง คนรวยก็รวยขึ้น ส่วนคนจนก็จนลงเรื่อยๆ จำนวนคนยากจนจะเพิ่มขึ้น นั่นคือภาพคร่าวๆ ที่คนเรามองเห็นและถูกบันทึกไว้ในหัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เครียดมากยิ่งขึ้น
สัญชาตญาณฝังลึก 10 ประการ การที่คนเรามองโลกไปในทางที่แย่ และเครียดเกินความเป็นจริง มาจาก 10 สัญชาตญาณฝังลึกของเราเอง อันได้แก่
สัญชาตญาณแห่งการแบ่งแยก : ความพยายามที่จะแบ่งทุกอย่างเป็นสองกลุ่มโดยมีเส้นกั้นจะหว่างสองกลุ่มนั้น เช่น ดีกับชั่ว คนดีกับคนเลว ประเทศของเรากับประเทศที่เหลือ ซึ่งบางครั้งการแบ่งแยกแบบนี้ก็ดูสุดโต่งจนเกิดเป็นความขัดแย้งกัน
สัญชาตญาณแห่งความเป็นลบ : เป็นแนวโน้มที่จะเห็นสิ่งไม่ดีมากกว่าสิ่งที่ดี
สัญชาตญาณแห่งเส้นตรง : การมองทุกอย่างเป็นกราฟที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือลดลงเรื่อยๆ จากน้อยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือจากสูงแล้วลดดิ่งลงมา
สัญชาตญาณแห่งความกลัว : เมื่อผู้คนตอบคำถามว่ากลัวสิ่งใดมากที่สุด สิ่งที่อยู่เป็นอันดับต้นๆ คือ งู ความสูง เลือด หรือที่แคบ ความกลัวเหล่านี้จะฝังลึกอยู่ในสมองของเราเพราะเหตุผลด้านวิวัฒนาการความกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย
สัญชาตญาณแห่งขนาด : มนุษย์มีแนวโน้มที่จะเห็นสิ่งต่างๆ ผิดจากขนาดจริง เข้าใจสัดส่วนหรือขนาดของสิ่งต่างๆ ผิดไป เช่น จำนวนคนที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศของเรา ที่หลายคนมองว่ามันเยอะมากๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เยอะขนาดนั้น
สัญชาตญาณแห่งการเหมารวม : ทุกคนมักจะมีการแบ่งแยกและเหมารวมโดยอัตโนมัติตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เช่น คนต่างจังหวัดการศึกษาน้อย คนภาคใต้กินรสจัด ฯลฯ
สัญชาตญาณแห่งโชคชะตา : ความคิดว่าลักษณะโดยกำเนิดเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของผู้คน ประเทศ ศาสนา หรือวัฒนธรรม เป็นความคิดที่ว่าสิ่งต่างๆ เป็นเช่นนั้นเพราะเหตุผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น คนที่เกิดในชุมชนแออัดไม่มีทางรวยได้ เป็นต้น
สัญชาตญาณแห่งมุมมองด้านเดียว : การยึดติดกับความคิดเรียบง่าย เพราะความคิดง่ายๆ จะดึงดูดใจเราได้มากกว่า และคิดว่าปัญหาทั้งหมดแก้ไขได้ด้วยวิธีเดียวเท่านั้น
สัญชาตญาณแห่งการตำหนิ : เป็นสัญชาตญาณที่ต้องการหาเหตุผลที่ชัดเจนเรียบง่ายมาอธิบายว่าทำไมถึงเกิดสิ่งไม่ดีขึ้น พยายามหาตัวคนผิดมาลงโทษอยู่ตลอดเวลา ทำให้เสียความสามารถในการแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะมัวแต่ชี้ตัวคนผิดอยู่
สัญชาตญาณแห่งความเร่งด่วน : ความกดดันที่เกิดขึ้นในจิตใจ “ถ้าไม่ทำตอนนี้ ก็ไม่ต้องทำอีกเลย!” คำพูดเหล่านี้จะเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณความเร่งด่วนในตัวคุณทำให้คุณทำสิ่งต่างๆ โดยคิดอย่างมีเหตุผลน้อยลง ตัดสินใจเร็วขึ้นและทำเดี๋ยวนั้น
สุดท้ายแล้ว “ทักษะแห่งการมองโลกตามความเป็นจริง” อาวุธสำคัญที่หนังสือเล่มนี้มอบให้นั้น สำคัญกับเราทุกคน ในทุกวัน และทุกทิศทางที่เลือกก้าวไป และเราจะบรรลุมันด้วยการรู้จักควบคุมสัญชาตญาณ 10 อย่างของเราให้ได้
หนังสือเล่มนี้คือ สงครามครั้งสุดท้าย ต่อความไม่รู้อันใหญ่หลวง ที่จะมอบอาวุธสำคัญที่สุดที่มนุษย์จะมีได้ นั่นคือทักษะแห่ง การมองโลกตามความเป็นจริง โดยใช้ความจริง…จริงๆ นำทาง อย่าให้ใครบอกคุณว่าโลกเป็นยังไง หรือควรมองชีวิตยังไง ก่อนจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้
เรื่อง : อนุสรา ทองอุไร