เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหน้าและบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้าก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา หลาย ๆ คนมักเกิดความกังวลกับเรื่องของความหย่อยคล้อยบนใบหน้า ผิวหน้าที่มีริ้วรอย หรือไม่สดใสเหมือนก่อน
หลายคนก็เริ่มหาวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ แต่จะมี 1 วิธีที่จะทำให้เราสามารถมีใบหน้าที่กระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นก็คือการทำ HIFU นั่นเอง ซึ่ง HIFU ถือว่าเป็นเทคโนโลยีตอบโจทย์มาก สำหรับผู้ที่อยากมีใบหน้าที่กระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น แต่กลัวเจ็บ กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด เพราะหัวของ HIFU เป็นแบบใหม่ หัวเล็กกว่าเดิม และปล่อยพลังงานลงผิวหนังแบบ Single Shot ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าไปในทุกบริเวณของใบหน้าได้ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หางตา และที่สำคัญคือ ไม่เจ็บ ไม่ต้องแปะยาชา
ชุติมา จันนาป่า กรรมการผู้จัดการ บริษัทอนิสสาจำกัดเธอเป็นเจ้าของคลินิกความงาม อลิสาคลินิคมี 3 สาขา คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจความงามมากว่า 10 ปี ให้ข้อมูลว่า HIFU เป็นชื่อย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound คือการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการยกกระชับใบหน้า โดยการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีพลังงานความถี่สูง (ความร้อนจากคลื่นอัลตร้าซาวด์นี้ จะไม่สามารถทำให้เกิดความแสบหรือรอยไหม้กับผิวหนังของเราได้) ที่สามารถกระตุ้นการทำงานของผิวหนังได้ลึกถึงชั้น SMAS (เป็นชั้นลึกสุดที่สามารถยกกระชับได้หรือชั้นเดียวกันกับการผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า) และสามารถปล่อยคลื่นให้โฟกัสเฉพาะจุดได้ ทีมแพทย์จะออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ทำให้มั่นใจในความสวยได้เมื่อเข้ามาที่อลิสาคลินิก
เพื่อจะช่วยเน้นให้ในบริเวณเนื้อเยื่อผิวหนังที่หย่อนยานนั้น เกิดความฟื้นฟูโดยการหดตัวที่ชั้น SMAS ขนาดเล็ก จะคล้ายการผ่าคัดดึงยกกระชับใบหน้า แต่วิธีนี้จะมีความละเอียดมากกว่าการร้อยไหม เพราะคลื่นอัลตราซาวนี้จะสามารถทำงานแบบโฟกัสได้ครอบคลุมบริเวณพื้นผิวได้มากกว่าการร้อยไหม และยังสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์เซลล์ ทำให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังจะเกิดการเรียงตัวใหม่ ทำให้ผิวที่เกิดการสร้างใหม่มีความยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่เกิดผังผืดเป็นก้อน เหมือนกับการผ่าตัดดึงหน้า
ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการทำ HIFU คือ เราจะมีผิวที่กระชับดูอ่อนเยาว์ ผิวมีความเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าลดเลือนลง แนวคิ้วดูยกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริเวณหนังตาตึงกระชับขึ้นทำให้ดูตากลมโตขึ้น รอยลึกบริเวณร่องแก้มดูตื้นขึ้น ความหย่อนคล้อยในส่วนต่างๆของใบหน้าลดลง ทำให้มีใบหน้าที่เรียวขึ้น หลังจากทำการรักษาเสร็จเราจะสามารถจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนใน 10-30 % จากนั้นจะค่อยๆเห็นความเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 1-2 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาในการสร้างคอลลาเจนและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ของผิวหนัง ที่มีความแข็งแรงและเสร็จสมบูรณ์
ในผลการรักษา 1 ครั้ง จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน และจะให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นเมื่อทำการรักษาอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อปี (ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพผิวของบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา) ซึ่งการทำ HIFU นั้นไม่ใช่แค่เพียงรักษาในบริเวณของใบหน้าได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถรักษาได้ทั้งในส่วนของคอ และบริเวณกรอบหน้าได้อีกด้วย ซึ่งส่วนนี้จะเป็นบริเวณที่มักจะมีการเกิดริ้วรอยได้ง่ายและมองเห็นได้ชัดที่สุด
การเตรียมตัวก่อนรับการรักษา
– ไม่ควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์ หรือ โบท็อกซ์ 2 อาทิตย์
– จำนวนช็อต ค่าพลังงาน ขึ้นอยู่กับบริเวณ และปัญหาของแต่ละบุคคล แล้วแต่แพทย์ประเมิน
– ใช้ระยะเวลาในการรักษา ประมาณ 40-60 นาที
– ระยะเห็นผลหลังทำทันที 30% และจะเห็นผลชัดเจนที่สุด หลังทำ 60 – 90 วัน
– ทำครั้งเดียว เห็นผลนาน 6-12 เดือน
– ผลจะดียิ่งขึ้น เมื่อกระตุ้นซ้ำในช่วงระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือนแรก โดยเฉลี่ยกระตุ้น 1-2 ครั้ง
คำแนะนำหลังการรักษา
– อาจมีรอยแดงเล็กน้อยหลังทำ แต่จะจางหายไปเองภายใน 1-3 ชม.
– อาจมีอาการปวดเล็กน้อย แต่อาการปวดจะหายไปภายใน 2-3 วัน
– หลีกเลี่ยงการสตรีมซาวด์น่า นวดหน้าด้วยความร้อน หลังทำ 1 สัปดาห์
– สามารถทาครีมและแต่งหน้าได้ตามปกติ
– ไม่ควรประคบเย็น เนื่องจากการรักษาเป็นการใช้คลื่นความร้อนช่วยยกกระชับผิว
– อาจมีผิวหน้าแห้งได้หลังทำ 1-2 วัน สามารถทาครีมบำรุงได้ตามปกติ
HIFU เหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 – 45 ปี ซึ่งมีปัญหาหนังตาตก ผิวหน้าหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยมาก อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด รวมถึงการยกกระชับใบหน้าหรือยกแนวคิ้วให้ขึ้น และผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ลดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ลดเหนียงใต้คางหรือลดคางสองชั้น
HIFU ไม่เหมาะกับใคร
– ผู้ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
– ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้
– ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบไหลเวียนและการแข็งตัวของเลือด
– ผู้ที่มีความผิดปกติของการรับรู้ความรู้สึก
– ผู้ที่มีการอักเสบหรือการติดเชื้อของบริเวณที่ทำการรักษาหรือบริเวณใกล้เคียง
เรื่อง อนุสรา ทองอุไร