ไลฟ์สไตล์ » ข้าวนีงาตะ..พันธุ์โคชิฮิคาริ คนญี่ปุ่นนึกถึงเป็นอันดับแรก

ข้าวนีงาตะ..พันธุ์โคชิฮิคาริ คนญี่ปุ่นนึกถึงเป็นอันดับแรก

18 กรกฎาคม 2018
882   0

กระทรวงการเกษตร ป่าไม้ และประมง จังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท คิโตกุ ชินเรียว จำกัด ตัวแทนผู้นำเข้าข้าวในไทย  ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ข้าวนีงาตะ พันธุ์โคชิฮิคาริ ในรูปแบบซุ้มจัดชิมอาหาร และวางจำหน่ายข้าวหุงพร้อมทาน และข้าวสารถุงพันธุ์ดังกล่าวที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังจัดในรูปแบบงานนีงาตะแฟร์ตามร้านอาหารญี่ปุ่น มีกลุ่มเป้าหมายคือคนไทยที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เคยเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เน้นการสื่อสารภาพลักษณ์ของข้าวนีงาตะโคชิฮิคาริ คือข้าวสายพันธุ์ชั้นเลิศอันดับ 1 ของญี่ปุ่น หรือ No. 1 Rice in Japan

ฮารุยูกิ ยามาดะ ผู้อำนวยการฝ่ายกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และ ประมง แห่งจังหวัดนีงาตะ กล่าวว่า “ข้าวจากจังหวัดนีงาตะ พันธุ์โคชิฮิคาริ เป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ไม่เหมือนพื้นที่อื่นในประเทศญี่ปุ่น มีขั้นตอนการปลูกที่ใส่ใจโดยจังหวัดนีงาตะมีปริมาณการเก็บเกี่ยวข้าว 611,700 ตันเป็นอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น และยังมีรสชาติอร่อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับข้าวญี่ปุ่นพันธุ์อื่นๆ และเพื่อให้ทุกท่านได้มีโอกาสชิมข้าวจากพื้นที่ทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ของญี่ปุ่น เราได้ร่วมมือกับร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเผยแพร่ความอร่อยของข้าวนีงาตะ โคชิฮิคาริได้ต่อไป”

จังหวัดนีงาตะได้ร่วมกับร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ เช่น ร้าน Ginza Do สาขาทองหล่อ และสาขาพร้อมพงษ์ ร้าน Fuku Fuku Yakiniku และร้าน Tsukiji Aozora Sandaime (Bangkok) เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคได้ลิ้มรสข้าวจากจังหวัดนีงาตะ โครงการสนับสนุนการใช้ข้าวนีงาตะในร้านอาหารญี่ปุ่น หรือนีงาตะแฟร์ในปีนี้จะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีโครงการแจกชิมข้าวปั้นตัวอย่างให้กับนักท่องเที่ยวไทยที่ไปประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ข้าวนีงาตะโคชิฮิคาริ ข้าวสายพันธุ์ชั้นเลิศอันดับ 1 ของญี่ปุ่นที่ต้องปลูกและเก็บเกี่ยวในภูมิประเทศที่เหมาะสม มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อหิมะที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุในฤดูหนาวละลายเป็นน้ำสะอาดจากภูเขาไหลลงสู่ท้องนา ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ข้าวของนีงาตะได้รสชาติที่อร่อย มีคุณค่าสารอาหาร เป็นข้าวคุณภาพสูงที่ชาวญี่ปุ่นให้ความนิยมมากที่สุด

ชูเฮ ยามาโมโตะ ที่ปรึกษาการนำเข้าและซื้อขายข้าวนีงาตะในประเทศไทย จากบริษัท คิโตกุไทยแลนด์ กล่าวว่า “ข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริ ผ่านกระบวนการขัดสีโดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถทำความสะอาดผิวข้าวโดยการขัดผงรำและผงแป้งออกจากผิวข้าว ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำให้ข้าวมีลักษณะสวยงามเป็นประกายและสะอาดมากขึ้น เรียกว่า กระบวนการมุเซนไม หลังจากผ่านกระบวนการนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคหุงข้าวได้โดยไม่ต้องซาวน้ำ และยังช่วยประหยัดเวลาการใช้น้ำ พร้อมทั้งยังรักษาสารอาหาร แร่ธาตุในข้าวได้มากกว่าปกติ”

ยิ่งไปกว่านั้น ข้าว ยังเป็นส่วนประกอบหลักของชุดอาหารญี่ปุ่นที่รู้จักในชื่อ Washoku ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 Washoku จะถูกเสิร์ฟเป็นชุดมีอาหารเครื่องเคียงต่างๆ 3 ชนิด พร้อมข้าว และซุปมิโสะ ไม่เพียงแต่การตกแต่งอาหารจะมีหน้าตาสวยงามน่ารับประทานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงสุขภาพอีกด้วย