“ธีระมงคล อุตสาหกรรม” เดินหน้าเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพขนาด 1.40เมกกะวัตต์ เล็งบุ๊ครายได้ไตรมาส3 นี้ หนุนครึ่งปีหลังโตแกร่ง โชว์แผนธุรกิจเตรียมออกผลิตภัณฑ์หลอดไฟใหม่อีก 10 รายการ พร้อมลุยเข้าประมูลงานรัฐ-เอกชนประมาณ 5-6 โครงการ คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที 15 มิถุนายน 2561 ได้มีมติให้ บริษัท ธีระมงคล กรีน เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TMI เข้าซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในสัดส่วน 100% กับบริษัท กรีน เซฟวิ่ง เอนเนอร์ยี่ ไทยแลนด์ จำกัด
โดยบริษัทจะเข้าทำการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของธุรกิจ( Due Diligence) สำหรับเข้าดำเนินการศึกษาโครงการให้แล้วเสร็จ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพขนาด 1.40 เมกกะวัตต์ (MW) ขณะที่บริษัท กรีน เซฟวิ่ง เอนเนอร์ยี่ ไทยแลนด์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้ามาตั้งแต่เดือนเม.ย. 2558 จนถึงปัจจุบัน
อีกทั้งในวันที่ 16 มิ.ย. 2561 บริษัทจะทำสัญญาซื้อขายหุ้น โดยจะจ่ายเงินงวดแรกจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อเข้าทำ Due Diligence ภายในระยะเวลา 45 วัน โดยนับจากวันที่ทำสัญญา ซึ่งจะจบวันที่ 30 ก.ค. 2561 อย่างไรก็ตามหากดำเนินศึกษาโครงการแล้ว และบริษัทพิจารณาว่าไม่สมควรเข้าลงทุน ทำให้จะไม่มีการเข้าลงทุนในหุ้นบริษัท กรีน เซฟวิ่ง เอนเนอร์ยี่ ไทยแลนด์ จำกัด โดยทางผู้ถือหุ้นของบริษัท กรีน เซฟวิ่ง เอนเนอร์ยี่ ไทยแลนด์ จำกัด จะเงินคืนให้บริษัทจำนวน 5 ล้านบาท ภายในเดือน ส.ค. 2561
สำหรับการเข้าลงทุนดังกล่าวถือว่าเป็นการเข้าขยายเข้าไปในธุรกิจพลังงานเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้านพลังงาน เพื่อการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงในอนาคต และบริษัทคาดจะมีการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพภายในไตรมาส 3/61 ส่งผลให้จะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 เติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561รวมทั้งบริษัทยังมองหาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ ด้านธุรกิจหลอดไฟในปีนี้บริษัทยังวางแผนเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 10 รายการ ภายใต้แบรนด์ “GATA” เพื่อรองรับความต้องการและตอบโจทย์ลูกค้า ประกอบกับยังวางแผนจะเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชนในส่วนของหลอดไฟ ประมาณ 5-6 โครงการ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2561 และบริษัทยังเตรียมเข้าไปรับงานใน CLMV ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม เพื่อขยายตลาดหลอดไฟให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
“การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าครั้งนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และเป็นการเริ่มต้นในธุรกิจพลังงานทดแของบริษัท โดยเราพร้อมจะเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เพราะยังมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่ระดับ 0.60 เท่า ซึ่งถือว่าน้อย ทำให้เรายังมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันทางการเงินได้อีก โดยในขณะนี้บริษัทยังมองหาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีแหล่งเงินทุนเพียงพอต่อการลงทุนหากมีดีลการลงทุนเกิดขึ้นในอนาคต” นายธีระชัย กล่าว