ท่องเที่ยว » สุพรรณบุรี อร่อยมากกกก

สุพรรณบุรี อร่อยมากกกก

17 กรกฎาคม 2020
1610   0

ไอเดียแจ่มๆ ให้กับคนอยากจัด ทริปเที่ยวไป..กิน (อร่อย) ไป ได้สัมผัสความเป็น ลูกทุ่งไทย แท้ๆ ขอให้มุ่งหน้าไป จังหวัดสุพรรณ เดินทางด้วยรถยนต์อย่างสะดวกสบาย ระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ เพียงร้อยกิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น การเดินทางครั้งนี้ ใช้บริการรถเช่า Avis โดยเพจ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ใช้เวลาตะลุยกิน..ถิ่นสุพรรณ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน รู้สึกอิ่มเอม หลงใหลในเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวและอาหาร ที่มีให้เลือกกินอย่างมากมาย

DAY 1 :

ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเช้าๆ ขับรถสบายๆ ประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง อำเภอสองพี่น้อง ในวันแรกแวะเที่ยว วัดไผ่โรงวัว สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของสุพรรณ เป็นวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีการจัดสรรบริเวณให้มีมุมต่าง ๆ ในการทำบุญไหว้พระ และให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพไปพร้อมกับการซึมซับในธรรม ที่ประทับใจคือ พระพุทธรูป “พระกะกุสันโธ” ขนาดใหญ่สุดที่ในโลก และ “สวนนรก” จากนั้น เดินทางไปไปกินอาหารอร่อยประจำท้องถิ่น ชื่อร้าน “หลักชัยปลาเผา” วิ่งห่างออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร อาหารจานเด็ดของร้านนี้ คือ ปลาช่อนเผาอบชานอ้อย แกงส้มผักบุ้งนา ผัดตั้งโอ๋ปลาช่อน และไก่นาทอดเกลือ ราคาถือว่าไม่แพง

กินอิ่มแล้ว เปิดเว็บ www.ryoiireview.com เพื่อหาร้านเครื่องดื่ม..อาหารว่าง ซึ่งพบว่าข้าง “วัดไผ่โรงวัว” มีค่าเฟ่เก๋ ชื่อว่า “บ้านริมนาคาเฟ่” เหมาะมานั่งชิลล์..ชมวิวทุ่งนาสวยๆ จิบเครื่องดื่มให้สดชื่นและกินอาหารว่างแสนอร่อย โดยอาหารว่างซิกเนเจอร์ของที่นี่ คือ “เมี่ยงกลีบบัว” กับ “ปลาแห้งแตงโม” รับรองว่า ใครมาแวะที่นี่ ได้บันทึกภาพถ่ายสวยๆ พกความประทับใจกลับบ้าน ขอการันตีว่าเมี่ยงกลีบบัวอร่อยมาก มาเที่ยวสุพรรณบุรี สามารถกินได้ที่นี่..เท่านั้น

ใกล้ๆ กันนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่ “ซุ้มปลายักษ์ สองพี่น้อง” เปิดให้เข้าชมในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ จะมีตลาดนัดให้นักท่องเที่ยวเดิมเที่ยวชมและช้อป ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่งนา และ บึงน้ำขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยดอกบัวสีสวย มีชิงช้าโยกผูกกับเสาสูง นั่งแล้วรู้สึกชิลล์มาก ไปแวะถ่ายภาพ อวดเพื่อนบนโซเชี่ยล ให้ยอดไลค์พุ่งกระฉูดได้ไม่ยาก

บ่ายคล้อย ประมาณ 3 โมงเย็น เดินทางไปเช็คอินที่พักชื่อว่า “ ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์ ” เป็นบ้านทรงไทยริมแม่น้ำท่าจีน ห้องพักจัดสัดส่วนได้ดี สะอาดสะอ้าน ผู้มาพักรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนมาพักบ้านญาติ ที่นี่ เป็นแหล่งชุมชน ตำบลบ้านแหลม ที่รวมตัวกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้มีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสัมผัสวิถีชีวิต ลูกทุ่ง ได้อย่างสำราญใจ ที่พักดี กิจกรรมเด่น อาหารอร่อย วันแรกที่เข้าพัก ได้ร่วมกิจกรรมทำธูป สีประจำวันเกิด ตกเย็น กินอาหารค่ำตำรับชาวบ้าน เมนูเด่นคือ ต้มโคล้งปลาม้า น้ำพริกปลาย่าง ผัดผักรวมใส่กุ้ง ไข่เจียวตาพุด ที่นำไข่เค็มมาทอดเป็นไข่เจียวอร่อยมากๆ ค่าอาหารเย็น คนละ 150 บาทเท่านั้น แล้วยังเสริมด้วยกุ้งแม่น้ำ ซึ่งขนาดกุ้งแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป ว่าจะได้ขนาด 8 ตัว หรือ 6 ตัว หรือ 4 ตัว ต่อกิโลกรัม ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 1,200 บาท ต่อกิโลกรัม กินอาหารเสร็จ นั่งรับลมชมวิวริมน้ำ หรือเรียกใช้บริการหมอนวดแผนไทย ฝีมือระดับครู ก็แล้วแต่ความสะดวก ชีวิต Slow Life สบายๆ สไตล์ลูกทุ่ง อย่างแท้จริง

DAY 2 :

ตื่นแต่เช้า จริงๆ “ ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์ ” จะมีพระมารับบาตรในตอนเช้า ๆ วันที่กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยวไป บังเอิญตรงกับ วันเข้าพรรษา พอดี กิจกรรมนี้ ได้งดไป ตื่นสายนิดๆ แล้วกินอาหารเช้า ที่นี่เสิร์ฟ์เมนูตำรับโบราณ สืบทอดมาจาก รัชกาลที่ 5 ซึ่งเสด็จประพาสต้นครั้งแรกมาที่ แม่น้ำท่าจีน จังหวัดสุพรรณ ชื่อว่า ข้าวต้มสามกษัตริย์ ประกอบด้วย กุ้ง ปลาหมึก และ ปลาทู ใส่ในน้ำซุปรสกลมกล่อม จากนั้น ร่วมกิจกรรม ปั่นจักรยาน ชมรอบตำบลบ้านแหลม ลัดเลาะไปตามทุ่งนา แวะไหว้พระที่วัดป่าพฤกษ์ ชมพิพิธภัณฑ์ของเก่าและแวะบ้านชาวบ้านตามเส้นทาง ซึ่งจัดเป็นฐานกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสัมผัส กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว เลือกแวะ “ บ้านป้าสมปอง ” เพื่อทำขนม “เจ้าบ้าน เจ้าเรือน” ขนมมงคลประกอบด้วยขนมไทย 4 อย่าง และผลไม้ 1 อย่าง คือ ขนมต้มขาว ขนมต้มแดง ขนมไม้คานหลาว และข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิ ผลไม้คือ กล้วย เชื่อกันว่า ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง หรือ ทำบุญแล้ว จะเสริมมงคลให้ดำเนินธุรกิจต่างๆ ได้ราบรื่น นั่นเอง

ประมาณ 10 โมงเช้า ออกเดินทางไปเที่ยว “ตลาดเก้าห้อง” อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ที่นี่ มีทัศนีย์ภาพที่สวยงาม ด้วยบรรยากาศของบ้านเรือนทรงโบราณ แม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านค้าขายไม่มากนัก แต่สายกินต้องแวะ เพราะที่ตลาดเก้าห้องแห่งนี้ ถ่ายรูปเก็บภาพได้สวยแล้ว ยังมี ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เจ้าอร่อยชื่อว่า “ราดหน้าเจ๊จุก” เปิดขายมานานกว่า 50 ปี ขอการันตีว่า อร่อยมาก เพราะเจ๊จุก แกคัดวัตถุดิบชั้นดี ผักสด กรอบ และล้างสะอาด ใส่มาในราดหน้า กรอบกำลังพอดี เนื้อหมูหมักได้นุ่ม เส้นผัดได้หอมกลิ่นกระทะ น้ำราดหน้าข้นในระดับที่พอดี ขายราคาก็ไม่แพง เข้าไปตลาดเก้าห้อง ร้านจะอยู่ข้างศาลเจ้าแม่ทับทับ หาไม่ยาก

เดินทางสบายๆไปต่อที่ “นาเฮียไช้” ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จัดสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาชมวิถีชาวนาไทย ที่จำลองไว้อย่างครบวงจร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการ และบ้านทรงไทย ให้นักท่องเที่ยวเดินชมและบันทึกภาพถ่ายสวย ๆ หรือใครแรงเยอะ สามารถเช่ารถจักรยานปั่นชมสถานที่ หรือจะกินอาหารก็มีร้านและคาเฟ่ เปิดให้บริการครบครัน

กินอาหารตรงนี้ ยังสะใจไม่พอ จึงเดินทางไปเที่ยวต่อกันที่ “ตลาดสามชุก” ตั้งอยู่ที่อำเภอสามชุก เป็นตลาดจีนโบราณ เปิดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คนจะมาเที่ยวเที่ยวกันเยอะ ของขายส่วนใหญ่เป็นอาหารการกินนานาชนิด เดินเล่นก็เพลินๆ เดินชิมก็อิ่มอร่อย อาหารหน้าตาหน้ากินทั้งนั้น มาที่นี่ เมนูที่ไม่ควรพลาดก็คือ “ขนมไข่ปลาโบราณ” กับก๋วยเตี๋ยว “ร้านเจ็กอ้าว” เส้นบะหมี่ทำเองเหนียวนุ่มถูกใจ ใส่หมูเด้งรสเด็ด นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่เข้ามากินกันเยอะ เพราะติดใจในรสชาติ

เดินเที่ยวตลาดสามชุก ตรงซอยหนึ่ง จะมีคุณป้าเรียกเชิญชวนใช้บริการล่องเรือชมแม่น้ำ ค่าบริการคนละ 50 บาท โดยจะพาไปแวะบ้านทรงไทย เป็นเรือนไทยหมู่ 13 หลัง นั่งเรือชมวิวไปประมาณ 15 นาที ก็ถือ บ้านทรงไทยที่นี่น่าสนใจ สืบทอดมากกว่าร้อยปี เจ้าของคนปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ มีภรรยา 4 คน เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชม มีการจัดแสดงของเก่า เช่น พัดลมโบราณ เครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ และเครื่องฉายหนังรุ่นยุคเก่า รู้สึกคุ้มค่าที่ได้มาเที่ยวที่นี่ ใครไปเที่ยวตลาดสามชุก หากมีเวลาเหลือๆ แนะนำให้ใช้บริการล่องเที่ยวชมบ้านเรือนไทย

ขณะขับรถ เดินทางไปเที่ยวจุดต่าง ๆ รอบจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเฉพาะถนนหลวงรอบนอกจะสังเกตเห็นร้านขายกุ้งแม่น้ำสดตัวเป็นๆ เรียงรายยาวเหยียด เลยแวะดู มีกุ้งหลายขนาดให้เลือก น่าจะเป็นกุ้งเลี้ยงจากฟาร์ม โดยที่ร้านมีบริการซื้อกลับบ้าน หรือ บริการย่างให้ทันที พร้อมแถมน้ำจิ้มรสเด็ดให้ กินแก้มตุ่ยฯ อยากลอง เลยแวะซื้อกุ้งไซด์ใหญ่ กลับไปกินเป็นมื้อเย็นที่บ้านพัก จำนวน 1 กิโลกรัม ได้กุ้งมาประมาณ 15-18 ตัว ในราคากิโลละ 450 บาท โชคดีร้านที่แวะซื้อ แซ่บถูกใจ น้ำจิ้มอร่อยมากกกกก แนะนำให้ แวะซื้อกินหรือซื้อติดมือกลับมากินที่บ้าน

DAY 3 :
นอนหลับสบายๆ ตื่นสายพอประมาณ กินอาหารเช้าเสร็จ ล่องเรือของ “ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์” ที่จัดเตรียมไว้ให้ เป็นเรือลำเล็กที่ขุนนางในสมัยเก่าใช้สัญจรทางน้ำ ชมบรรยากาศแม่น้ำท่าจีนสายสุพรรณ ยามเช้า ลมเย็นๆ กระทบหน้า กระทบเนื้อตัวแล้วรู้สึกสดชื่น เวลาในการล่องเรือประมาณ 2 ชั่วโมง หาก มีเวลาน้อย ก็แจ้งลดเวลาได้ตามสะดวก กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว เลือกนั่งประมาณ 1 ชั่วโมง ล่องเรือไปแวะไหว้พระที่ “วัดเจ้าขาว” กราบเจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี

สายหน่อย มุ่งหน้าไป “อุทยานมังกรสวรรค์” อยู่บริเวณตัวอำเภอเมืองสุพรรณบุรี เป็นแลนด์มาร์คจุดแวะที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เทียบได้กับสถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีการจัดวางสถานที่ได้อย่างลงตัว ตื่นตากับ มังกรตัวใหญ่ยักษ์ หอชมทิวทัศน์ บริเวณด้านในตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน มีร้านจำหน่ายสินค้า ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม รวมถึงโรงภาพยนตร์พิเศษ ที่เก็บค่าเข้าชมเพียงคนละ 50 บาท มาแล้วรู้สึกประทับใจ ได้บันทึกภาพถ่ายสวยๆ อย่างสนุกสนาน เที่ยวชมถึงเที่ยงพอดี ใกล้ๆ มีร้านอาหารไทยจีน “นพรัตน์ ภัตตาคาร” ร้านนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหารทุกรายการ นับเป็นร้านอร่อยคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณ เมนูแนะนำ ต้มเผือกหัวปลาหม้อไฟ ออส่วน เป็ดนพรัตน์ และ ผัดโหงวก้วย และมีเมนู ปลาม้าสามรส ที่ขึ้นชื่อลือชา แต่น่าเสียดายช่วงที่ไปเที่ยวครั้งนี้ เป็นช่วงแม่น้ำสีแดง จึงไม่มีปลาม้ากิน ต้องหาโอกาสกลับไปเที่ยวสุพรรณบุรีอีกครั้ง เพื่อกินเมนูนี้ให้ได้


ก่อนเดินทางกลับ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะซื้อของฝาก สำหรับ จังหวัดสุพรรณบุรี ของแวะที่แนะนำคือ ขนมสาลี่ เจ้าดังคือ แม่บ๊วย มีให้เลือกหลายรสชาติ ที่ชอบคือ รสใบเตย เนื้อแป้งมีความนุ่มละมุนลิ้น ไม่หวานจัด แต่หวานในระดับที่พอดี มีความกลมกล่อม กินแล้วหลับตาพริ้มๆ จะสัมผัสความอร่อยได้ชัดเจน ซื้อไปฝากใครก็ต้องชอบแน่นอน ราคาแพ็คละ 40 บาท เท่านั้น จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านสบายๆ เก็บความประทับใจ ใช้งบประมาณไม่สูง เที่ยวได้ครบ เที่ยวได้สนุก ได้สัมผัสวิถีความเป็นไทย ท้องทุ่ง ท้องนา ฟ้ากว้าง ได้กินอาหารอร่อยๆ ทำให้เป็นวันหยุดพักผ่อนที่มีคุณค่า บอกคำเดียว่า รักเลย จังหวัดสุพรรณบุรี


แนะนำกิจกรรมท่องเที่ยว
ติดต่อ คุณโสภณ พันธุ กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม โทร. 08-0073-7397