“BSM ตั้งเป้าทีคดีเวลลอปเมนท์”เปิด 2-3 โครงการใหม่ปีนี้ มูลค่ากว่า 1,200 ลบ. เน้น Low Rise ทำเลรถไฟฟ้า เตรียมเจาะกลุ่มจีน-ฮ่องกง ดันยอดขาย ด้านตลาดอสังหาฯปีนี้แข่งเดือด
นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัททีคดีเวลลอปเมนท์จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯย่อยของบริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะเปิดโครงการคอนโดมีเนียมใหม่ 2-3 โครงการ โดยจะเน้นไปที่โครงการคอนโดมีเนียมความสูงไม่เกิน 8 ชั้น หรือ Low Rise มูลค่าโครงการรวมอยู่ที่ กว่า 1,200 ล้านบาท โดยจะเน้นการเปิดโครงการในทำเลที่มีศักยภาพสูง ใกล้แนวรถไฟฟ้า เช่น สาทร รัชดาภิเษก และอารีย์ เป็นต้น โดยบริษัทฯยังคงเปิดโครงการใหม่โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่เดิมที่มีความต้องการที่พักอาศัยจากการขยายของครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น และกลุ่มของคนทำงานในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ และกำลังซื้อที่สูง ในขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 130 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของโครงการ The Teak Sukhumvit 39 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้นจำนวน 70 ยูนิต ส่วนในปี 2562 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของโครงการที่เปิดเพิ่มสูงขึ้น
นายสัญชัยกล่าวต่อว่าในขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทฯคาดว่ายังคงมีการแข่งขันที่สูงจากจำนวนโครงการที่เปิดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว และใกล้ที่จะเปิดให้บริการภายใน 1-2 ปีนี้ โดยกำลังซื้อของคนในประเทศยังอยู่ในระดับที่ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ตลาดของชาวต่างชาติกลับมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตลาดชาวจีน และฮ่องกง ที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมีเนียมในกรุงเทพมหานครเนื่องจากมีราคาที่ต่ำกว่าราคาที่อยู่อาศัยในประเทศของตนเอง
นายวรุตม์ ภาณุพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีคดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯย่อยของบริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่าในมุมมองของเราปีนี้การแข่งขันสูงโครงการเปิดเยอะกระจุกกันในทำเลรถไฟฟ้าที่เปิดใหม่หรือกำลังจะเปิดบริการแต่สำหรับทำเลในเมืองหรือกรุงเทพชั้นในที่ดินหายากมากและราคาก็พุ่งขึ้นสูงมากทำให้มีโครงการเปิดได้น้อยส่วนโครงการที่สุขุมวิท39ของเรามีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติน้อยมากเป็นคนไทยส่วนใหญ่ซึ่งเราเองก็เริ่มให้ความสนใจในตลาดต่างชาติ เนื่องจากชาวจีนและฮ่องกงมีกำลังซื้อสูงและสนใจอสังหาในไทยเนื่องจากยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศของเค้าซึ่งตลาดต่างชาติก็เป็นตลาดนึงที่ช่วยให้การปิดการขายโครงการได้เร็วขึ้น