ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ไม่ว่าคุณจะวางแผนงานมาดีอย่างไร สุดท้ายก็ต้องมีสถานการณ์ทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นเสมอ เช่น การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกับทุกธุรกิจกับมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ บางคนก็ปรับตัวไม่ได้ แต่บางคนพยายามปรับตัวและหาโอกาสเป็นทางเลือกใหม่ๆเป็นแผนสำรองธุรกิจอยู่รอดและไปต่อได้เช่นเธอคนนี้ นักธุรกิจสาวแกร่งที่คร่ำหวดในวงการค้าปลีกความงามมากว่า 20 ปี ที่เจอขวากหนามทางธุรกิจมาหลายครั้งหลายหนจนทำให้เธอสตรองในงานที่ทำอยู่พอตัว
เจนนี่–จารุวัลย์ วงศ์เจษฏาสกุล CEO บริษัท C4 Global Co.Ltd เจ้าของแบรนด์HEJ street ที่เป็นศูนย์รวมสินค้าความงามและเครื่องสำอางจากหลายแบรนด์ดังมาอยู่ในร้าน HEJ street ของเธอซึ่งตอนนี้มีอยู่ 8 สาขาหลัก ย่านกลางเมืองอย่างสีลม จากแผนเดิมที่มีแผนจะขยายสาขาที่เป็นช๊อปประจำ ให้ได้ 50 สาขา ก็ชะลอโครงการไว้ก่อนอันเนื่อง มาจากพิษไวรัสโควิด -19 แต่จะไปเสริมเป็น HEJ คาราวานขนาด 10 ตรม.มากกว่า 50 สาขาทั่วประเทศแทน
เธอบอกว่า แน่นอนที่ทุกธุรกิจล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น แต่เราจะหยุดนิ่งเฉยไม่ได้ การทำธุรกิจต้องดำเนินต่อไป บางอย่างชะลอเวลา บางอย่างปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ แผนการเปิดช็อปใหญ่ใช้เงินลงทุนสูง พอมาเจอโควิด เราก็ต้องคิดใหม่เซ็ทธุรกิจใหม่รองรับวิถีแบบ New Normal รูปแบบชีวิตที่เปลี่ยนไป แทนที่จะเปิด
ช็อปใหญ่ๆก็เปลี่ยนใช้เป็นจัดเป็น HEJ street beauty คาราวานอีเว้นท์ไปตามแหล่งชุมชน ย่านสำนักงาน มหาวิทยาลัย คอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ครั้งละ 10-15 วัน เดือนหนึ่งก็จัดสัก 4-5 ครั้งทั่วประเทศ ทำให้ประหยัดต้นทุนสูงๆไปได้เยอะ แถมยังเข้าไปหากลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงและหลากหลายกว่า เป็นการทำธุรกิจแบบเชิงรุกมากขึ้น
ขณะที่ช๊อปใหญ่จากเดิมที่เป็นตัวแทนขายเครื่องสำอางแบบมัลติแบรนด์เพียงอย่างเดียว เราก็ปรับเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพเพื่อสอดคล้องกับโรคโควิด ด้วยการเสริมสินค้าเป็นพวกเจลล้างมือ แอลกอฮอร์ Face Shield อุปกรณ์ป้องกันโควิด ให้มากขึ้น ภายใต้แบรนด์ของตัวเองชื่อ SJLAB และจัดหาสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ เข้ามาในร้านมากขึ้น เป็นพวกวิตามิน อาหารเสริม ลูกอมแก้ไอเพื่อบำรุงป้องกันโรคโควิดให้มากขึ้น เมื่อร้านค้าต้องปิด ผู้คนถูกขังตัวอยู่ที่บ้านออกมาช๊อปปิ้งไม่ได้ จากเดิมที่รอลูกค้ามาที่ช็อปเท่านั้น ก็ต้องเปลี่ยนเป็นขายออนไลน์ให้มากขึ้น “เดิมเราขายหน้าร้าน 80% ออนไลน์แค่ 20% ก็เพิ่มออนไลน์เป็น 40-50% และเริ่มสร้างทีมขายออนไลน์ของเราเองรับสมัครตัวแทนขาย ตอนนี้ให้สมัครฟรี แล้วเราดึงเข้ากลุ่มไลน์ เรามีอบรมการขายให้ส่งแคตตาล็อกสินค้าให้ในกลุ่ม ตัวแทนขายก็ไปขายในช่องทางของเขาได้ลูกค้ามาก็แจ้งเราเป็นผู้จัดส่งให้ เขาไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องรักษายอด ตอนนี้มีคนสมัครเข้ามาหลักร้อย ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจะหาตัวแทนการขายออนไลน์ให้ได้ 1000คน ภายในสิ้นปีนี้”
รวมทั้งจากเดิมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางจากมัลติแบรนด์ต่างๆมาขายเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ก็เริ่มผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ชื่อ Secret J มีทั้งเซรั่มลิฟติ้ง ไบร์ทเทรนนิ่ง โฟมล้างหน้า อายเจล ครีมโบท็อกซ์ และจะมีโปรดักส์ของตัวเองขึ้นมาอีกหลายชนิด ทีผลิตจากโรงงานที่มีเชื่อเสียงใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้สินค้าดีมีคุณภาพสมราคาอย่างแน่นอน
เธอบอกว่าไม่ว่าจะอย่างไรผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุดสวย เธอมั่นใจว่าธุรกิจเครื่องสำอางยังไปได้ดีมีแนวโน้มการเติบโตได้ แม้ธุรกิจอื่นจะกระทบแต่เครื่องสำอางจะกระทบช้ากว่า “เราเพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่นตอนนี้คนใส่หน้ากากอนามัย ไม่จำเป็นต้องทาปาก เราก็ไปเน้นสินค้าที่แต่งตามากขึ้นเช่น ดินสอเขียนคิ้ว อายแชโดว์ มาสคาร่า อายไลน์เนอร์ เพราะตาเป็นอย่างเดียวที่โชว์ได้ ผู้หญิงก็เน้นแต่ดวงตาคิ้วให้สวยเข้มขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่จะผลักดันให้ เฮ้สตรีท บิวตี้ เดินหน้าขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV+I ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเดินทางไปยังประเทศเวียตนาม กัมพูชา เพื่อหารือกับพันธมิตรที่เป็นศูนย์การค้าชั้นนำของที่นั่น เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าร่วมกัน ถ้าสถานการณ์โควิดจบลงก็เดินหน้าโครงการนี้ต่อทันที สำหรับหลักการทำงานของเธอนั้นคือเมื่อเจอปัญหาพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ อย่าท้อต้องสู้เสมอให้กำลังใจทีมงานว่าทุกปัญหาแก้ไขได้เสมอ ต้องแอคทีฟมากขึ้น กล้าปรับเปลี่ยนการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ตอนนั้นๆให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก
สัมภาษณ์โดย : อนุสรา ทองอุไร