ไม่ว่าโลกจะเจริญไปมากเพียงใด วิทยาการทางการแพทย์จะทันสมัยสักแค่ไหน แต่การเจ็บป่วยด้วยโรคระบาดแปลกใหม่ หรือแม้แต่โรคเดิมที่กลายพันธ์ ก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่มนุษญ์เราจะดูแลตัวเองได้ก็คือการพยายามดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกายและเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คล้ายๆกับการกินอาหารให้เป็นยานั่นเอง
วันนี้ได้มีโอกาสที่ดีได้คุณกับสาวน้อยหน้าใสวัย 24 ปี น้องพริม-พริมา ภัทโรพงศ์ เจ้าของร้าน Plantiful น้องพริม เรียนจบไฮสคูลที่โรงเรียนร่วมฤดี แล้วไปต่อปริญญาตรีทางด้านชีวจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย UCLA สหรัฐอเมริกา
ตอนเรียนอยู่ไฮสคูล น้องพริมคิดว่าตัวเองอยากเป็นหมอ ก็เลยลองไปลงเรียนโปรแกรมเพื่อเตรียมเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์อยู่ 2 เดือน ลองไปฝึกงานทางด้านแพทย์ ตอนอยู่เมืองไทยก็ไปขอฝึกงานที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลตำรวจ 1 เดือน ไปฝึกงานที่ห้องทำคลอด ก็ค้นพบว่าไม่ใช่ทางที่ชอบจริงๆเท่าไหร่ จึงเบนเข็มไปเรียนต่อที่ UCLA ทันที
“หนูชอบเรียนหนังสือ จัดว่าเรียนดี ตอนแรกคิดว่าอยากเรียนหมอ แต่พอไปฝึกงานหลายแห่งพบว่าไม่ใช่ทางที่ชอบเท่าไหร่ จริงๆคือสนใจเรื่องสุขภาพแบบไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินมันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ส่งผลกับสุขภาพทุกอย่าง ก็เลยมาเรียนชีวจิตวิทยา พอตอนเรียนปี 3 ส่วนใหญ่เพื่อนๆจะเบนไปต่อแพทย์ แต่เราไม่ชอบก็เบนมาเรื่องสุขภาพ อาหาร ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสุขภาพให้มีความสมดุลย์ เพื่อฟื้นฟูรักษาจิตใจร่างกายให้ครบทุกด้าน” เธอเล่าด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างนั้นเธอก็ไปเรียนโยคะ หาความรู้เรื่องธรรมชาติบำบัด อายุรเวท การนั่งสมาธิ การดูแลจิตใจจากภายใน เพราะคุณแม่มัวนไปปฏิบัติธรรมบ่อยๆที่ชมรมเดินจิตเมดิเธชั่น จึงชอบชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์นิดๆตามแวนวิถีธรรมชาติ
ตอนเรียนปี 4 ใกล้จบก็ขอคุณแม่ไปเรียนทำอาหารทางด้าน Plantbased โดยเฉพาะไหนๆก็อยู่อเมริกาอยู่แล้วมีเวลาก็เรียนไปเลย คนอื่นต้องเสียค่าตั๋วเพื่อบินมาเรียน ก็ไปลงคอร์สเรียนที่ลอสแอจเจอรีสอยู่ 3 เดือน มี 3เลเวล เธอลงเรียนเลเวล 1-2 ส่วนเลเวล 3 ไม่ได้เรียนเพราะคิดว่าไม่จำเป็นและแพงเกินไป
“พอไปเรียนแล้วชอบมาก มีความสุข สนุกที่ได้ไปเรียน เป็นการเรียนอาหารที่มีความเป็นอาร์ท ทำอาหารออกมาสวยด้วยอร่อยด้วย ครบทั้งอาหารปาก อาหารตา อาหารใจมีทั้งเฮล์ทและเวลเนส คนที่ไปเรียนด้วยกันก็มีแนวคิดมีความชอบแบบเดียวกัน”
หลังจากเรียนจบกลับมา เธอก็ไปช่วยงานโรงแรมของคุณแม่ที่เชียงใหม่อยู่ ปีกว่าก็เริ่มเบื่ออยากทำอะไรของตัวเองดูบ้าง เธอเริ่มธุรกิจทำอาหาร “Plant Based Food ส่งตามบ้าน เป็นเม้ลดิลิเวอรี่ แรกๆคุณแม่ไม่เห็นด้วยแต่เธอขอลอง เริ่มขายผ่านอินสตาแกรม วันแรกได้ลูกค้า 7 คน โดยเธอจะไม่บอกว่าแต่ละวันจะส่งเมนูอะไร เธอจะเป็นคนกำหนดเมนูและส่งไปให้วันละ 2 มื้อและอีก 1 ของว่าง แบ่งเป็นเซ็ท 3 / 5 / 10 วัน ทำมาปีกว่าผลตอบรับดีมาก มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“หนูก็กินแนวนี้ด้วย รู้ว่ามันดีกับร่างกาย ส่งผลดีต่อสมองไม่เครียด ไม่เบลอ สมองโล่ง ใต้ตาที่เคยดำคล้ำก็ดูสดใสขึ้น ตัวเบาน้ำหนักคงที่ทานมากก็ไม่อ้วนขึ้นหุ่นดีขึ้น ลดได้ดีกว่าการกินปกติแล้วไปออกกำลังกายหนักๆ เพราะได้กินผักเยอะ มีไฟเบอร์สูง ระบบขับถ่ายดี เลือดลมดี หน้าตาก็ผ่องใสขึ้น
หลังจากทำส่งดิลิเวอรี่อยู่ ปีกว่าตั้งใจว่าจะทำสัก 3 ปีค่อยเปิดร้าน แต่ลูกค้าเยอะขึ้นและมาเจอร้านนี้ที่ทำเลถูกใจมาก เธอจึงตัดสินใจเปิดร้านเมื่อเดือนที่ผ่านมา ที่ซอยสุขุมวิท 61 เพื่อนรองรับลูกค้าที่ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองได้รวดเร็วขึ้นจากเดิมที่บ้านเธออยู่ที่มีนบุรี
โดยในร้านนี้จะมีเมนูหลักๆ 15 เมนูที่ขายดีมากๆ และมีเมนูหมุนเวียนอีกเกือบ 100 เมนู ๆแน่นอนว่าไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีแป้ง ใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว ใช้น้ำผึ้ง ไม่ทอด อาหารต้องใหม่สดทุกวัน อาหารในร้านจะเป็นแนวสุขภาพ เช่น ชาหมัก อนาคตเธอจะทำอาหาร ขนม ของว่าง เพิ่มเติมในแบรนด์ของเธอเอง และอีกสักพักเธอจะเปิดสอนทำอาหารสไตล์นี้ที่ร้านของเธอด้วย เธอจะเลือกทำงานที่เธอชอบและมีความสุขในการทำงานทุกวัน
พริมา เชื่อว่าอาหารแนวดูแลสุขภาพจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในอนาคต มันเป็นเทรนด์ของโลกที่ใครๆก็ไม่อยากเจ็บป่วยอยากอายุยืนสุขภาพดี Plant Based Food เป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งการรับประทานอาหารแบบ Plant Based food คือการเลือกรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก โดยพืช ผัก และธัญพืชที่นำมาปรุงอาหารต้องไม่ผ่านการสกัด ขัดสี หรือผ่านการแปรรูป โดยร่วมกับการหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ ที่นอกจากจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง อีกด้วย
มารู้จัก 5 กลุ่ม Plant Based Food ว่ามีอะไรบ้าง
การกินธัญพืชแบบไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด ลูกเดือย
ถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ งา และถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ๆ
ผลไม้ตามฤดู เช่น มะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ กล้วย สับปะรด
ผักใบเขียวทุกชนิด เช่น ผักป๋วยเล้ง ใบตำลึง ผักคะน้า ผักบุ้ง
หัวจากพืชชนิดต่าง ๆ เช่น มันฝรั่ง เผือก บีตรูต หัวผักกาด
Plant Based Food เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพที่กำลังอินเทรนด์ ใครที่ไม่อยากตกเทรนด์สุขภาพแห่งยุคแบบนี้อย่าลืมหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะได้ห่างไกลจากโรคร้ายที่ใครๆ ก็ไม่อยากเป็น
เรื่อง : อนุสรา ทองอุไร-anusra137@gmail.com